วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

Asean states told to ease non-tariff barriers, laws

Petchanet Pratruangkrai
The Nation
Publication Date : 16-08-2012

Thailand and other Association of Southeast Asian Nations (Asean) members have been urged to take strenuous steps to genuinely open up the regional market in trade and services ahead of the Asean Economic Community in 2015, as there are still far too many non-tariff barriers and ...

restrictions hindering trade and service sector growth.

At yesterday's "2012 Thailand Investment Environment: Maximising the AEC Opportunities" seminar, panellists shared the view that those involved in Thai trade, service and investment should be less concerned by the challenges of a more intensive competitive environment under the AEC than by the lack of development caused by the many rules and regulations obstructing investment and new business coming to the Kingdom.

Kirida Bhaopichitr, senior economist at the World Bank, said Thailand's share of service sector business was falling because the country still had a high level of protection in business service trade.

"Thailand is losing competitiveness, with or without the AEC. Income in the Thai industrial sector has grown continuously, but income in the service sector has increased slowly when compared with other Asean members because of the high level of protection in the country," she said.

She said that although Thailand and other Asean countries have committed to liberalising the service sector and trade in goods, the fruits of the AEC's implementation would in effect be delayed because of too much protection through domestic laws.

Nandor von der Luehe, chairman of the Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand, said he believed that if Thailand did not open up the market, the country would lose out on benefits from the AEC.

The Kingdom has long developed its service and trade sectors and should no longer protect the market, as the benefits of liberalisation for its citizens will more than outweigh any impact on domestic enterprises, he said.

"If the country really opens up the market, the Thai service sector will become more developed. Consumers will then get better prices and better services," he added.

According to the Trade Negotiations Department, Thailand has already opened up the service sector in seven groups of businesses. However, the country and some of its fellow Asean members have not opened up many other service businesses because they have internal laws and regulations restricting the share of foreign enterprises in local companies and limiting the types of operation that can be undertaken by foreigners.

Phongsak Assakul, chairman of the Board of Trade, said Thai enterprises should be afraid of losing opportunities under the AEC, rather than of losing out due to a lack of competitiveness.

He said that besides the need for the government to eliminate non-tariff barriers for Asean integration, the private sector should strengthen its production and supply chain in the region in order to promote Thai trade and service development.

The panellist also urged the government to seriously tackle the problem of corruption, as it is one of most important factors in the minds of foreign investors when deciding whether to invest in the country.

David Lyman, member of the International Chamber of Commerce's Anti-Corruption Commission, said corruption in Thailand was significantly worse than in certain other Asean countries, in particular Singapore, because of a lack of political will to tackle the problem.

He added that the biggest concern influencing foreign investors' decisions to invest in Thailand was the stability of the political situation and government policies.

The government should impose clear and continuous policies in promoting investment as Asean integration approaches, as much investment will flow into the region in the coming years, Lyman said.

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

เขตเศรษฐกิจพิเศษ ปี54 เปิดด่านถาวรรับเป้าส่งออก 1.1 ล้านล้าน

นับถอยหลังอีก 4 ปี ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมรับกติกาใหม่นี้ เปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุน สินค้า แรงงาน กลายเป็นตลาดเดียว ทั้งอาเซียน


โอกาสของประเทศไทยก็คือ "การขยายตลาด" ในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมต่ออาเซียนและจีน สามารถเพิ่มมูลค่าการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งภาคการส่งออก และการค้าชายแดน  นโยบายกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้า เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนภายใน 1-2 ปีนี้ ให้ได้ปีละ 1.1 ล้านล้านบาท ภายใต้นโยบายและยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)
 ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง (ACMECS)
และยุทธศาสตร์ ลิมอดาซาร์ 5 จังหวัด 5 รัฐ 5 สาขาเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย รวมถึงการเปิดประตูการค้าทั้ง 5 ภาค 5-5-5 ลิมอ ดาซาร์ ห้าจังหวัด ห้ารัฐ และห้าสาขาเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่าง 5 จังหวัดของไทยกับ 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย ใน 5 สาขาเศรษฐกิจ  ก็มีกิจกรรม เช่น การจัดทำบัตร Lima Dasar Card, การส่งเสริมการท่องเที่ยวยะลากับเกาะลังกาวีร่วมกัน, การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในมาเลเซีย มีการเจรจาการค้าและการลงทุนกว่า 90 โครงการ เช่น ฟาร์มแพะ และ การซื้อผลผลิตปาล์ม เป็นต้น

ดันยอดส่งออกโต 32%

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สรุปมูลค่าการค้าชายแดน ปี 2553 (ม.ค.-ธ.ค. 53) รวมทั้งสิ้น 778,061 ล้านบาท เพิ่ม 21.74% (ม.ค.-ธ.ค. 52 มูลค่า 639,136 ล้านบาท) การส่งออกรวม 486,488 ล้านบาท ขยายตัว 32.88% การนำเข้ารวม 291,573 ล้านบาท เพิ่ม 6.80% การ เกินดุลการค้าสะสมมีมูลค่าถึง 194,915 ล้านบาท

แบ่งเป็น การค้าชายแดน 4 ตะเข็บ คือ
1.ไทย-มาเลเซีย มูลค่า 497,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.48% แบ่งเป็น สินค้าส่งออก 320,404 ล้านบาท นำเข้า 177,186 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 143,218 ล้านบาท 


2.ไทย-ลาว มีมูลค่ารวม 87,191 ล้านบาท เพิ่ม 21.6% แบ่งเป็น สินค้าส่งออก 64,117 ล้านบาท นำเข้า 23,074 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 41,044 ล้านบาท
3.ไทย-พม่า มีมูลค่า 137,869 ล้านบาท การส่งออก 50,854 ล้านบาท นำเข้า 87,015 ล้านบาท ไทยเสียดุลการค้า 36,160 ล้านบาทจากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ 27.03%
4.ไทย-กัมพูชา มูลค่า 55,411 ล้านบาท เพิ่ม 22.12% แบ่งเป็น สินค้าส่งออก 51,113 ล้านบาท นำเข้า 4,298 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 46,814 ล้านบาท

สำหรับสถิติการค้าชายแดนผ่านด่านศุลกากรมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก คือ
ด่านศุลกากรสะเดา
ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์
ด่านศุลกากรสังขละบุรี
ด่านศุลกากรหนองคาย
ด่านศุลกากรอรัญประเทศ
ด่านศุลกากรแม่สอด
ด่านศุลกากรมุกดาหาร
ด่านศุลกากรคลองใหญ่
ด่านศุลกากรระนอง
และด่านศุลกากรแม่สาย

จ่อผุดเขต เศรษฐกิจ.พิเศษ 5 แห่ง
นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันผลักดันการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะโครงการนำร่องเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก ใช้พื้นที่กว่า 5,600 ไร่ เริ่มตั้งแต่พื้นที่แม่ปะถึงตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด รวมทั้งจะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 บริเวณบ้านวังตะเคียน ฝั่งตรงข้ามกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีด้วย หากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ แนวโน้มจะขยายไปตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอีก 4 แห่ง ได้แก่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย, อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส, จ.มุกดาหาร และ จ.สระแก้ว

ปีนี้นโยบายส่งเสริมการค้าควรจะยกระดับจุดผ่อนปรนสู่ด่านถาวรหลายจุด อาทิ ด่านสิงขร อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์, ด่านบ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ตรงข้ามนครหลวงเวียงจันทน์, ด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ อยู่ตรงข้ามกับเมืองปากลาย แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว ฯลฯ บ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกทวาย พม่า

ทั้งนี้ หอการค้าไทยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมประตูการค้าด้านตะวันออก (ไทย-กัมพูชา) ภายใต้นโยบาย 3 วงแหวน 5 ประตูการค้า กำหนดหารือความร่วมมือ 6 สาขา คือ การค้า การลงทุน การเกษตร โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่วนภาครัฐจะเป็นการหารือร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดของไทย 12 จังหวัด (ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ภาคอีสาน 4 จังหวัด) กับผู้ว่าราชการจังหวัดในกัมพูชา 20 จังหวัด 4 เทศบาล (พนมเปญ สีหนุวิลล์ ไพลิน และแกป) รวมทั้งการจับคู่ทางธุรกิจ (business matching) และการจัดงานแสดงสินค้าไทย-กัมพูชาด้วย

แผนรับด่านพุน้ำร้อน-ทวาย
นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า เตรียมแผนรองรับการเปิดด่านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี สู่เมืองทวาย พม่า โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนและรายละเอียดงบฯสนับสนุน 6 เรื่อง คือ

1.การวาง ผังชายแดน เพื่อกำหนดจุดที่ตั้งศูนย์ราชการ คลังสินค้าทัณฑ์บน จุดเปลี่ยนรถหัวลาก ฯลฯ สำนักงานโยธาธิการจังหวัดรับผิดชอบ
2. ให้ศูนย์สร้างทางกาญจนบุรีสำรวจออกแบบ และกำหนดจุดเส้นทางการเข้า-ออกชายแดนที่บ้าน พุน้ำร้อน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และการลี่ยงไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จะวิ่งจากกรุงเทพฯไปยังท่าเรือน้ำลึกที่เมืองทวายวิ่งผ่านชุมชนและกลางเมืองกาญจนบุรี
3.จัดทำระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รองรับศูนย์ราชการ แหล่งชุมชน และอุตสาหกรรมบริเวณชายแดน
4.จัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์ทางบกที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน และทางอากาศที่สนามบินกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ สร้างสนามบินพาณิชย์ พัฒนาสถานีรถไฟบ้านหนองตาบ่ง อ.ท่าม่วง เป็นศูนย์กระจายสินค้า
5.การพัฒนาบุคลากร
6.การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยนำต้นแบบ ecotown ในญี่ปุ่นมาใช้ และ
 7.ทหารและตำรวจทำแผนเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยรองรับการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม


ขณะเดียวกัน ก็ให้แยกกลยุทธ์การพัฒนาจุดผ่านแดนทั้ง 2 แห่ง คือ ด่านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เป็นยุทธศาสตร์ "การค้าชายแดน" พม่าได้เปิดด่านพญาตองซูตรงข้ามด่านพระเจดีย์สามองค์ เมื่อ 6 ธ.ค. 2553 และพัฒนาด่านพุน้ำร้อนให้เป็นยุทธศาสตร์ "การค้าผ่านแดน" ขณะนี้กลุ่มอิตาเลียนไทยเข้าดำเนินการขยายเส้นทางจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อนถึงแม่น้ำอมรา เมืองทวาย ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร แนวโน้มปลายเมษายนนี้จะเดินทางโดยรถยนต์จาก จ.กาญจนบุรีไปทวายได้

นายบุญเทียม โชควิวัฒน นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 10 ปี แต่ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและช่องทางเข้า-ออกประเทศยังไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาการจราจร ซึ่งกำลังเร่งปรับปรุงโครงการขยายด่านสะเดา ล่าสุดยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและจัดเตรียมเอกสารของการเวนคืนที่ดินจากประชาชนที่อาศัยและทำมาค้าขายบริเวณนั้น ทางจังหวัดสงขลาจึงตั้งคณะทำงานศึกษาเพื่อแก้ปัญหาว่าจะขยายไปยังพื้นที่ 700 ไร่ ขยับไปอีก 1-2 ก.ม. พัฒนาเป็นด่านขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ด่านขนส่งสินค้าและด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือจะขยายจากจุดเดิมบนพื้นที่ 19 ไร่ เพื่อช่วยลดความแออัด

พลังขับเคลื่อนรายได้จากการค้าชายแดนภายในเร็ววันนี้ให้ได้ปีละ 1.1 ล้านล้านบาท กำลังใกล้ความจริงเข้ามาทุกวัน เมื่อรัฐและเอกชนประสานความร่วมมือผลักดันเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษเต็มรูปแบบ






 AEC RESOURCES (THAILAND) CO., LTD.
    " AEC Resources Gateway of Asean Economic Community"